บริการงานเช่าเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ เช่าอุปกรณ์ทำงานบนที่สูง

บริการงานเช่าเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ เช่าอุปกรณ์ทำงานบนที่สูง

บริษัท เกียร์ คอนสตรัคชั่นแอนด์แมชชีนเนอรี่ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ ได้มีบริการงานเช่าเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ เพื่อตอบโจทย์ในความต้องการของลูกค้า และผู้ใช้งานรวมถึงความจำเป็นที่ต้องมีการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆด้วยความรวดเร็วถึงแม้ลูกค้าจะไม่มีอุปกรณ์นั้นๆก็ตาม GEAR CON Rental Program สามารถช่วยสนับสนุนงานให้กับลูกค้าได้

GEAR CON มีเครื่องและอุปกรณ์เซฟตี้ต่างๆ ได้แก่ เครื่องวัดแก็ส ALTAIR4XR, ALTAIR5X, GX2 station อุปกรณ์ Bump test และ Calibration, Standard gas for Rental, อุปกรณ์งานกันตกบนที่สูง Fall Protection รอกกันตก SRL หลากหลายความยาว, HARNESS ระดับ Premium , MSA WORKMAN TRIPOD, MSA SCBA , กล้อง Thermal Image จับภาพความร้อน MSA LUNAR พัดลมระบายอากาศพร้อมท่อแบรนด์ชั้นนำ นำเข้าจากประเทศอังกฤษสำหรับงานในพื้นที่อับอากาศ, เครื่องเชื่อม PE สำหรับช่างก่อสร้าง หลากหลายขนาดของการเชื่อมท่อ PE, งานเช่าแผงกั้นจราจรเพื่อการให้บริการงานเช่าที่ลูกค้าไม่ต้องจัดหาเป็น ASSET ของบริษัทฯ ไม่ต้องบำรุงรักษา ดูแลการเสียหายหรือสูญหาย

Rental Peogram งานเช่าเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ เรามีบริการให้กับลูกค้าทั้งระยสั้น หรือ ระยะยาว ตามความต้องการของลูกค้า GEAR CON สามารถช่วยเหลือสนับสนุนตามความประสงค์ในทุกรูปแบบของลูกค้า ด้วยเงื่อนไขการใช้บริการงานเช่าเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ ที่ไม่ยุ่งยาก รวดเร็ว ตอบสนองในการบริการให้กับลูกค้าได้ทันทีหลังจากได้รับการยืนยันการใช้บริการจากลูกค้า

อ่านเพิ่มเติม

GEAR CON บริการเช่าเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ ทำงานที่สูง เครื่องช่วยหายใจ เครื่องเชื่อม เครื่องวัดแก๊ส เช่าอุปกรณ์เซฟตี้ทำงานบนที่สูง เช่าอุปกรณ์เซฟตี้  สินค้าได้มาตรฐานทุกรายการ พร้อมให้คำแนะนำการใช้งานอย่างถูกวิธี

GEAR CON  บริการเช่าเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ จัดส่งสินค้าถึงมือ สินค้ามีมาตรฐาน สินค้าทุกชิ้นผ่านมาตรฐานการับรองสากลด้านความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมายสามารถแนะนำการใช้งานมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์อย่างถูกต้องและปลอดภัยถ้าหากอุปกรณ์เซฟตี้สินค้ามีการชำรุดเปลี่ยนให้ฟรีหมดห่วงกับการใช้งานแล้วเกิดชำรุดจากการใช้งานไม่ใช่อุบัติเหตุ เราทำการเปลี่ยนใหม่ให้ฟรี เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด อุปกรณ์เซฟตี้มีใบรับรองทุกรายการออกใบรับรองการตรวจสอบอุปกรณ์เช่าทุกรายการ เช่าประหยัดกว่าซื้อในราคาถูก พร้อมเปลี่ยนสินค้าทันทีที่เกิดปัญหาโดยไม่เสียเงินเพิ่มและเราจัดส่งได้มากถึง 77 จังหวัดสินค้าเช่าทุกรายการมีบริการส่งทั่วประเทศไทย 77 จังหวัด พร้อมส่งถึงมือ สะดวก สบาย

เช่าเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ ส่งตรงถึงมือคุณ 77 จังหวัด

หากสนใจในทุกบริการสามารถติดต่อได้ที่ :

LINE Official : @gearcon     โทร : 0 2454 8324

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

บริการเช่าอุปกรณ์เซฟตี้อับอากาศ

บริการเช่าเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ ที่อับอากาศให้บริการให้ผู้ใช้งานเช่าอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยจากอากาศที่ไม่เหมาะสม เช่น เครื่องวัดอากาศ เครื่องวัดแก๊ส พัดลาระบายอากาศ รอกกู้ภัย เปลกู้ภัย ไตรพอดสามขากู้ภัย และ อื่นๆ

บริการเช่าอุปกรณ์เซฟตี้โรยตัว

บริการเช่าเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ โรยตัวเป็นการให้บริการให้ผู้ใช้งานเช่าอุปกรณ์ที่ช่วยให้สามารถโรยตัวลงสู่พื้นที่หรือสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง เช่น บริการเช่าเครื่องมือโรยสารเคมีสำหรับปฏิบัติการดับเพลิง หรือการจัดการกับสารอันตราย

บริการเช่าอุปกรณ์เซฟตี้การทำงานบนที่สูง

บริการเช่าเครื่องมืออุปกรณ์เซฟตี้ ทำงานบนที่สูงเป็นการให้ผู้ใช้งานเช่าอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงานที่ต้องเข้าถึงพื้นที่สูง เช่น เข็มขัดนิรภัยกันตกจากที่สูง สายเซฟตี้ และ ตะขอกันตกจากที่สูง

อ่านเพิ่มเติม

ขั้นตอนการให้บริการ / How it Works

  • ลูกค้าสามารถติดต่อกับ GEAR CON SALE team ได้ทุกช่องทาง ได้แก่ Service Center, Sale team ฝ่ายขาย, Sale team ช่องทาง Online LINE@ เพื่อขอราคาอุปกรณ์เซฟตี้งานเช่า ข้อมูลสินค้าอุปกรณ์เซฟตี้งานเช่า หรือเพื่อสั่งจองอุปกรณ์เซฟตี้งานเช่า
  • GEAR CON SALE team ทุกช่องทางของบริษัทฯ จะจัดทำใบเสนอราคา แจ้งข้อกำหนดการให้บริการงานเช่าอุปกรณ์เซฟตี้ต่างๆ ให้กับลูกค้าได้รับทราบตามความประสงค์
  • ระยะเวลาการให้บริการงานเช่าจะนับจากวันที่ลูกค้าเริ่มใช้งานและวันใช้งานเสร็จสิ้น โดยไม่นับรวมวันรับอุปกรณ์เซฟตี้และวันส่งคืนอุปกรณ์เซฟตี้จากลูกค้า

ช่องทางติดต่อ Sale team

คุณออฟ T. 08 1667 2277

E-mail: bawonporn@gear-con.com

คุณตั๊ก T. 09 5004 7044

E-mail: suthipong.su@gear-con.com

คุณตั้ม T. 08 5911 6883

E-mail: samanmit.ma@gear-con.com

คุณจิ๋ว T. 06 1765 9990

E-mail: sukanda.th@gear-con.com

หากสนใจในทุกบริการสามารถติดต่อได้ที่ :

LINE Official : @gearcon     โทร : 0 2454 8324

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

แนะนำสินค้าอุปกรณ์เซฟตี้

ดูทั้งหมด

เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุปกรณ์เซฟตี้

ดูทั้งหมด

บริการงานติดตั้ง Lifeline Safety

Lifeline Safety คืออะไร ?

Lifeline Safety ไลฟ์ไลน์ เซฟตี้ คือ อุปกรณ์ป้องกันการพลัดตก ช่วยป้องกันไม่ให้การทำงานบนที่สูงเกิดความเสี่ยงที่จะทำให้ผู้ทำงานเกิดอุบัติเหตุอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและ Lifeline Safety ในการทำงานบนที่สูงเราจำเป็นต้องมี Lifeline Safety ที่ออกแบบโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ผลิตจากเครื่องมือที่ทันสมัย วัสดุเหล็กมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ได้รับมาตรฐาน Lifeline Safety โดยหลักการทำงานแล้วอุปกรณ์ จะทำการยึดจุดเชื่อมต่อเพื่อให้สามารถเดินทางบนที่สูงได้อย่างปลอดภัย สำหรับการทำงานบนที่สูงจำเป็นต้องมี Lifeline Safety เพื่อให้ปลอดภัยต่อการทำงานอุปกรณ์กันตก สลิงกันตก และอุปกรณ์เสริม ราวกันตก  Lifeline Safety เพื่อความปลอดภัยในการทำงานบันหลังคา หรือที่สูงจำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการใช้งาน

รูปแบบของ Lifeline Safety แบ่งเป็นหลายรูปแบบดังนี้

1.แบบพื้นฐานทั่วไป (Traditioner Horizontal Lifeline )

Traditioner Horizontal Lifeline คือการใช้  Lifeline Safety ในรูปแบบแนวนอน โดยหลักการในการใช้งานก็คือเดินไปโดยรอบๆ แนวของอุปกรณ์ การติดตั้งในรูปแบบนี้อย่างนี้สามารถทำได้โดยง่าย แต่อาจจะต้องใช้อุปกรณ์ที่มากกว่าแบบ Vertical Lifeline โดยการทำงานของบริษัท เกียร์ คอนสตรัคชั่นแอนด์แมชชีนเนอรี่ จำกัด งานออกแบบและติดตั้ง ( Design & Installation ) สามารถออกแบบให้ตอบโจทย์ของการทำงานของลูกค้าได้ ลูกค้าสามารถดูตัวอย่างงานติดตั้งและออกแบบได้จาก บทความงานออกแบบและติดตั้ง ( Design & Installation )

2.ระบบป้องกันการตกเหนือศีรษะ (Over Head Horizontal Lifeline) 

Over Head Horizontal Lifeline คือการใช้ Lifeline Safety ในรูปแบบระบบการยับยั้งในการตกจากที่สูง เหมาะสำหรับการทำงานบนที่สูงที่มีพื้นที่ในการทำงานที่แคบหรือไม่สามารถหาจุดคล้องเกี่ยวบนพื้นหรือติดตั้งบนราวกันตกได้ โครางสร้างหลังคาหากมีความแข็งแรงเพียงพอ สามารถตั้งเสารับ Lifeline Safety เพื่อปกกันการตกเหนือศีรษะได้

3.ระบบป้องกันการตกในแนวดิ่ง (Vertical Lifeline)

Vertical Lifeline คือระบบ Lifeline Safety ในรูปแบบแนวตั้ง การติดตั้งในรูปแบบนี้สามารถทำได้ง่าย เหมาะสำหรับติดสำหรับการขึ้นที่สูง เช่นขึ้นบันไดไปยังบนหลังคา หรือการปีนขึ้นแทงค์น้ำ พื่อป้องกันการตกกระหว่างขึ้นในที่สูงในรูปแบบของแนวตั้ง โดยระยะห่างของแต่ละความยาว สามารถให้ทางเราดูหน้างานเพื่อช่วยออกแบบในการติดตั้งให้กับลูกค้าได้ครับ

4.ระบบ Lifeline บนหลังคา (Roof Top Horizontal Lifeline)

Roof Top Horizontal Life Line  เป็นระบบ Lifeline Safety ระบบ Lifeline  แนวนอนบนหลังคา เป็นโซลูชั่นอเนกประสงค์และประหยัดที่ช่วยให้พนักงานบนหลังคาได้รับการป้องกันการตกอย่างต่อเนื่องและต่อเนื่อง Lifeline แนวนอนเส้นเดียวช่วยให้พนักงานสามคนสามารถทำงานได้พร้อมระบบป้องกันการตกอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากคนงานติดอยู่กับแนวนิรภัยอย่างต่อเนื่อง Horizon Lifelines จึงทำให้คนงานสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่บนดาดฟ้าได้อย่างปลอดภัย

Lifeline Safety พวกเราสำรวจหน้างานก่อนทุกครั้ง

ทีมงานวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญของเรา ในเรื่องของ Lifeline Safety

ลูกค้ามีความต้องการิตดตั้ง Lifeline Safety ในรูปแบบไหนหรือมีปัญหาหรือความต้องการ พวกเราสามารถสำรวจหน้างาน และนำเสนอแนวทาง และแนะนำผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ตอบสนองต่อการใช้งาน Lifeline Safety ของบริษัทของลูกค้า และเสนองบประมาณในราคาให้ลูกค้าก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจใช้บริการกับทางบริษัทเรา

 

Lifeline Safety พวกเราช่วยออกแบบระบบ

ด้วยความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยบนที่สูง Lifeline Safety ที่มีมาตรฐานของเรา ลูกค้าสามารถเลือกระบบผลิตภัณฑ์ ที่ตอบสนองต่อการใช้งาน โดยทีมงานของเราพร้อมจะช่วยออกแบบระบบต่างๆ ตามข้อจำกัดของบริษัทลูกค้าได้อย่างมั่นใจ

 

Lifeline Safety ช่วยในการติดตั้งได้อย่างปลอดภัย

งานติดตั้งระบบ Lifeline Safety ของเรา พวกเรามีทีม วิศวกรและช่างผู้เชี่ยวชาญได้รับการอบรม พร้อมเครื่องมือติดตั้งตามมาตรฐานของผู้ผลิต ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานระบบได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

 

ผลงาน Lifeline Safety ของเรา

ผลงานการติดตั้งระบบ Lifeline Safety หรืออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสำหรับ บริษัทและโรงงาน เพื่อความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงานและลดความเสียหายหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อตัวบุคลากรและทรัพย์สิน โดยทางเรามีการออกแบบและติดตั้งที่ได้มาตรฐานตามหลักวิศวกรรม รวมไปถึงชุดอุปกรณ์และขั้นตอนในการติดตั้ง

    ดูผลงานเพิ่มเติม>

สายช่วยชีวิตคืออะไร ?

เชือกเส้นเล็กเป็นองค์ประกอบเชื่อมต่อในระบบป้องกันการตกระหว่างสายรัดและจุดยึด สามารถใช้ในการจับกุมเมื่อล้มได้หรือ Restraint ขึ้นอยู่กับการใช้งานและผลิตภัณฑ์ที่เลือกสำหรับงาน Lifeline Safety

เชือกเส้นเล็ก Fall Arrest คืออะไร?

เชือกเส้นเล็กระบบกันสะเทือนมีองค์ประกอบดูดซับแรงกระแทกซึ่งออกแบบมาเพื่อป้องกันการพลัดตกในขณะที่จำกัดแรงที่รู้สึกต่อร่างกายของคนงานน้อยกว่า 6kN

ความเข้าใจในคุณสมบัติของตัวดูดซับแรกกระแทก Energy Absorber คืออะไร ช่วยป้องกันอะไรเมื่อเกิดการตกจากที่สูงได้อย่างไร

ด้วยการรวมตัวดูดซับพลังงานไว้ในเชือกเส้นเล็ก แรงที่สัมผัสได้บนร่างกายของคนงานในกรณีที่เกิดการตกจะถูกลดลงเหลือต่ำกว่า 6kN ในขณะที่จับกุมการตกตัวดูดซับพลังงานเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบเชื่อมต่อและต้องรวมอยู่ในระบบ Fall Arrest System ที่สมบูรณ์

 

การคิดคำนวณระยะตกที่ต้องสัมพันธ์ต่อการเลือกใช้ความยาวของสายช่วยชีวิตรวมกับระยะของ Energy Absorber

การทำความเข้าใจระยะห่างจากการตกเมื่อทำงานบนที่สูงเป็นสิ่งสำคัญเมื่อใช้งานมีระบบป้องกันการตกที่เหมาะสมเมื่อทอดสมอในแนวตั้งเหนือระดับศีรษะ ความยาวของเชือกเส้นเล็กที่ใช้และการยืดตัวของตัวดูดซับพลังงานซึ่งเกิดขึ้นในกรณีที่เกิดการล้มกลายเป็นสองเท่าปัจจัยสำคัญในการกำหนดระยะการตกตรวจสอบระยะห่างขั้นต่ำของการตกเสมอ เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการชนสิ่งกีดขวางด้านล่างจะหมดไป ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่ผู้ใช้ได้ปีนขึ้นไปเหนือจุดทอดสมอ มีการตกอย่างอิสระ 4.0 เมตร ก่อนที่จะเปิดใช้งาน Lanyard ระยะห่างขั้นต่ำที่ต้องการคือ 6.0 เมตรจากจุดทอดสมอระยะห่างจากจุดยึดถึงพื้นถึงที่ต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ใช้ปลอดภัยหากเกิดการล้ม

บริษัท เกียร์ คอนสตรัคชั่นแอนด์แมชชีนเนอรี่ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือ SAFETY ที่จะอำนวยความสะดวกกับลูกค้า ด้วยประสบการณ์มากกว่า 18 ปี เราจัดจำหน่าย อุปกรณ์เซฟตี้อุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคล PPE สินค้าคุณภาพสูงที่ใช้ในการป้องกันภัยหากกำลังมองหา อุปกรณ์เซฟตี้อุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคล PPE หรือบริการงาน Service Calibration งานติดตั้ง Lifeline Safety  งานเช่าเครื่องอุปกรณ์เซฟตี้ และ บริการคอร์สฝึกอบรม Service Training Course และเรามีการบริการหลังการขายที่ดี อุปกรณ์เซฟตี้อุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคล PPE ต้องที่นี่เท่านั้น  สินค้าพร้อมส่งทั่วไทย

หากสนใจในทุกบริการสามารถติดต่อได้ที่ :

LINE Official : @gearcon     โทร : 0 2454 8324

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

เราเป็นตัวแทนจำหน่าย แบรนด์ MSA The Safety Company อย่างเป็นทางการ

แบรนด์ MSA The Safety Company เป็นสินค้า Lifeline Safety  ที่มีคุณภาพผ่านการทดสอบโดยวิศวกกรผู้เชี่ยวชาญมีการทดสอบระบบ  Lifeline Safety  ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยต่อการใช้งาน

สนใจสามารถสั่งซื้อสินค้า แบรนด์ MSA The Safety Company Lifeline Safety  ได้ที่

เราเป็นตัวแทนจำหน่าย แบรนด์  KSstrong อย่างเป็นทางการ

แบรนด์ KSstrong เป็นสินค้า Lifeline Safety ผู้ก่อตั้ง KSstrong ประสบความสำเร็จในการผลิตอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลทั่วโลกมานานกว่า 20 ปี ด้วยการสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสบการณ์สูง พร้อมด้วยโรงงานผลิตระดับโลก KSstrong จึงพร้อมที่จะเป็นแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับเลือกสำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัยส่วนบุคคล Lifeline Safety จึงเป็นสิ่งสำคัญเราจึงตรวจสอบอุปกรณ์เซฟตี้ก่อนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยต่อลูกค้าทุกท่าน

สนใจสามารถสั่งซื้อสินค้า แบรนด์ KSstrong Lifeline Safety  ได้ที่

เราเป็นตัวแทนจำหน่าย แบรนด์ TOYO SAFETY  อย่างเป็นทางการ

แบรนด์ TOYO SAFETY  เป็นสินค้าอุปกรณ์เซฟตี้ PPE จากประเทศ ญี่ปุ่น ในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์ป้องกันและความปลอดภัยแบบครบวงจร เราจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในสาขาต่างๆ มากมาย หมวกกันน็อคที่มีน้ำหนักเบาและพอดีตัว, หมวกกันน็อคแบบพับได้ที่สามารถพกพาและจัดเก็บได้อย่างกะทัดรัด, อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับหมวกกันน็อคที่ช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ, แว่นนิรภัย, หน้ากากกันฝุ่น, อุปกรณ์ป้องกันการได้ยิน (ที่อุดหูและที่ปิดหู), ป้องกันการชน เราตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่อุปกรณ์ความปลอดภัยที่สวมใส่ได้ เช่น อุปกรณ์ยึดเหนี่ยวไปจนถึงสลิงสิ่งทอและสายรัดเข็มขัดเพื่อการขนส่งผลิตภัณฑ์อย่างปลอดภัย ที่มีคุณภาพผ่านการทดสอบโดยวิศวกกรผู้เชี่ยวชาญมีการทดสอบอุปกรณ์เซฟตี้ PPE ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยต่อการใช้งาน

สนใจสามารถสั่งซื้อสินค้า แบรนด์ TOYO SAFETY  อุปกรณ์เซฟตี้ PPE ได้ที่

สนใจติดตั้งหรือออกแบบ Lifeline Safety สามารถติดต่อพวกเราได้ 24 ชม.

โทร 02-454-8324

Line : @gearcon

Shopee : https://shopee.co.th/gearsafe

Lazada : https://www.lazada.co.th/shop/gear-con

Tiktok : https://www.tiktok.com/@gearcon

Facebook : https://www.facebook.com/gearconsafe/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุปกรณ์เซฟตี้

ดูทั้งหมด

เราเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เซฟตี้อย่างเป็นทางการ

คุณสมบัติของชุด PPE

คุณสมบัติของชุด PPE

ชุด PPE หรือ ชุดป้องกันส่วนบุคคล เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สวมใส่เพื่อป้องกันผู้ใช้งานจากอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน คุณสมบัติของชุด PPE ที่ดีควรมีดังนี้

  • ผลิตจากวัสดุที่ทนทาน: วัสดุที่ใช้ผลิตชุด PPE ควรมีความทนทานต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น สารเคมี ความร้อน เปลวไฟ แรงกระแทก ฯลฯ
  • สวมใส่สบาย: ชุด PPE ควรมีน้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี และเคลื่อนไหวสะดวก เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานรู้สึกอึดอัด
  • พอดีกับผู้ใช้งาน: ชุด PPE ควรมีขนาดพอดีกับผู้ใช้งาน ไม่รัดรูปหรือหลวมจนเกินไป เพื่อป้องกันการฉีกขาด และเพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติหน้าที่
  • ผ่านมาตรฐาน: ชุด PPE ควรผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น มอก. หรือ NIOSH

ประเภทของชุด PPE

ชุด PPE มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะงานและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ตัวอย่างประเภทของชุด PPE ดังนี้

  • ชุดป้องกันสารเคมี: ใช้สำหรับป้องกันผิวหนังจากสารเคมีต่างๆ มีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและประเภทของสารเคมี
  • ชุดป้องกันความร้อน: ใช้สำหรับป้องกันความร้อน เปลวไฟ และสะเก็ดไฟ เหมาะสำหรับงานเชื่อม งานหลอมโลหะ ฯลฯ
  • ชุดป้องกันแรงกระแทก: ใช้สำหรับป้องกันร่างกายจากแรงกระแทก เหมาะสำหรับงานก่อสร้าง งานช่าง ฯลฯ
  • ชุดป้องกันรังสี: ใช้สำหรับป้องกันรังสีต่างๆ เช่น รังสีเอกซ์ รังสีแกมมา เหมาะสำหรับงานในโรงพยาบาล ห้องปฏิบัติการ ฯลฯ

รูปแบบการใช้งานที่เหมาะสม

การใช้งานชุด PPE ควรเป็นไปตามข้อแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด ดังนี้

  • เลือกชุด PPE ที่เหมาะสมกับลักษณะงาน: เลือกชุด PPE ที่มีคุณสมบัติและระดับการป้องกันที่เหมาะสมกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
  • สวมใส่ชุด PPE อย่างถูกต้อง: สวมใส่ชุด PPE ให้ครบถ้วนตามคู่มือการใช้งาน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าชุด PPE อยู่ในสภาพดี
  • ดูแลรักษาชุด PPE: ทำความสะอาดและเก็บรักษาชุด PPE อย่างถูกต้องหลังการใช้งาน
  • เปลี่ยนชุด PPE เมื่อจำเป็น: เปลี่ยนชุด PPE ใหม่เมื่อชุด PPE เกิดความเสียหาย หรือเมื่อใช้งานครบตามกำหนด

สรุป

ชุด PPE เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันผู้ใช้งานจากอันตรายต่างๆ ในสถานที่ทำงาน การเลือกใช้ชุด PPE ที่เหมาะสมและใช้งานอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและการเจ็บป่วย

ชุดดับเพลิงประกอบไปด้วยส่วนหลักๆ

ชุดดับเพลิงประกอบไปด้วยส่วนหลักๆ ดังนี้

1. เสื้อดับเพลิง

  • ผลิตจากผ้า Nomex ทนความร้อนสูง กันไฟ กันน้ำ และกันไฟฟ้าสถิต
  • มีแถบสะท้อนแสงช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนในที่มืด
  • มีการออกแบบให้กระชับ สวมใส่สบาย สะดวกต่อการเคลื่อนไหว

2. กางเกงดับเพลิง

  • ผลิตจากวัสดุเดียวกันกับเสื้อดับเพลิง
  • มีการออกแบบให้กระชับ สวมใส่สบาย สะดวกต่อการเคลื่อนไหว
  • มีส่วนที่เสริมความหนาบริเวณหัวเข่าและข้อศอก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

3. หมวกดับเพลิง

  • ผลิตจากวัสดุที่ทนความร้อนสูง กันไฟ กันไฟฟ้าสถิต และป้องกันแรงกระแทก
  • มีหน้ากากป้องกันใบหน้าจากเปลวไฟ ความร้อน และควัน
  • มีช่องระบายอากาศ ช่วยให้ศีรษะเย็นสบาย

4. ถุงมือดับเพลิง

  • ผลิตจากหนังทนความร้อน กันไฟ กันน้ำ และกันไฟฟ้าสถิต
  • มีการออกแบบให้กระชับ สวมใส่สบาย สะดวกต่อการเคลื่อนไหว
  • มีส่วนที่เสริมความหนาบริเวณนิ้วมือ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

5. รองเท้าบู๊ตดับเพลิง

  • ผลิตจากหนังทนความร้อน กันไฟ กันน้ำ กันไฟฟ้าสถิต และป้องกันของมีคม
  • มีการออกแบบให้กระชับ สวมใส่สบาย สะดวกต่อการเคลื่อนไหว
  • มีส่วนที่เสริมความหนาบริเวณข้อเท้า เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

อุปกรณ์เพิ่มเติม

  • เข็มขัดนิรภัย
  • เครื่องช่วยหายใจ
  • ไฟฉาย
  • อุปกรณ์สื่อสาร
  • อุปกรณ์ตัดถ่าง

หมายเหตุ

ชุดดับเพลิงมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับประเภทของงานดับเพลิง

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ เครื่องวัดแก๊ส

Gas Detector คือ อุปกรณ์ทางด้านความปลอดภัย ใช้สำหรับตรวจสอบพื้นที่ และบริเวณที่ปฏิบัติงานว่ามีปริมาณสารพิษ สารไวไฟ ตลอดจนก๊าซออกซิเจนว่าอยู่ในระดับที่มีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่การใช้ Gas Detector จะต้องใช้ sensor ให้ตรงกับชนิดของก๊าซที่จะตรวจวัด เพราะ sensor ได้ออกแบบเพื่อใช้สำหรับการวัดนั้นๆโดยเฉพาะเท่านั้น

  นิยามศัพท์
  LEL คือ Lower Explosive Limit เป็นค่าที่ได้จากการทดลองว่าสารติดไฟแต่ละชนิด เมื่อผสมกับอากาศจะเป็นจุดที่เริ่มติดไฟ
  UEL คือ Upper Explosive Limit เป็นค่าของสารติดไฟที่เกินจุดนี้แล้ว และเมื่อผสมกับอากาศแล้วจะไม่ติดไฟ
  TWA คือ Time Weighted Average เป็นค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของสารสำหรับการทำงานปกติ 8 ชั่วโมงต่อวันและ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ที่คนงานเกือบทุกคนสัมผัสสารซ้ำๆหลายวันต่อเนื่องกนโดยไม่เกิดอันตรายต่อร่างกาย

  STEL คือ Short Term Exposure Limit เป็นค่าความเข้มข้นของสารที่คนงานสัมผัสได้ในช่วงเวลา 15 นาทีต่อเนื่องกันโดยไม่เกิดอันตราย

  IDLH คือ Immediately Dangerous to Life or Health เป็นค่าปริมาณของสารที่สามารถทำให้เกิด อันตรายอย่างรุนแรงต่อชีวิตโดยเฉียบพลัน
  PPM คือ Part Per Million (ส่วนในล้านส่วน) ในการตรวจวัดก๊าซหรือไอจะใช้หน่อยเป็น PPM

ข่าวสาร การปรับราคา บริษัท เกียร์ คอนสตรัคชั่นแอนด์แมชชีนเนอรี่ จำกัด

🌟  เรียนลูกค้าผู้มีอุปการะคุณ, 🌟 

🙏 ขอขอบคุณทุกท่านที่มีความไว้วางใจและให้ความสนับสนุนในผลิตภัณฑ์และบริการของเรา. เพื่อคุณภาพและมาตฐานที่ดีที่สุด, เราจะปรับราคาบางสินค้าเริ่มต้นในเดือนธันวาคม 2023 นี้.
📈 อัตราการปรับราคาจะแตกต่างตามประเภทสินค้า.

แต่คุณยังสามารถสั่งซื้อสินค้าในราคาปัจจุบันจนถึงสิ้นปี 2023. 📅

🙌 เราขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับความเข้าใจและความสนับสนุนของคุณ หากมีคำถามเพิ่มเติม โปรดติดต่อทีมบริการลูกค้าของเรา
🙏 ขอบคุณอีกครั้งและของคุณเป็นสำคัญสำหรับเรา

🌈 ด้วยความเคารพ,
บริษัท เกียร์ คอนสตรัคชั่นแอนด์แมชชีนเนอรี่ จำกัด

รองเท้าเซฟตี้เพื่อความปลอดภัย

รองเท้าเซฟตี้ (Safety Shoes) คืออะไร

รองเท้าเซฟตี้ หรือ รองเท้านิรภัย คือ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลเพื่อความปลอดภัยในการทำงานของเหล่าบรรดาช่างเทคนิค คนงาน หรือพนักงานทั่วไปที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและอันตรายต่างๆ เช่น วัตถุตกใส่เท้า การเดินเตะหรือสะดุดสิ่งของ และลื่นไถลขณะทำงานในสภาพแวดล้อมเปียกชื้น เป็นต้น โดยรองเท้านิรภัยมีทั้งสำหรับงานอุตสาหกรรมทั่วไป หรือเรียกอีกชื่อว่ารองเท้าหัวเหล็ก และรองเท้านิรภัยสำหรับการป้องกันเฉพาะด้าน เช่น กันไฟฟ้าสถิต ป้องกันการเจาะทะลุ หรือต้องผ่านการทดสอบคุณสมบัติในเชิงป้องกันหลักๆ คือ หัวรองเท้ากันกระแทก ป้องกันการบีดอัดและแรงกดทบบนเท้า โดยอ้างอิงวิธีการทดสอบของรองเท้านิรภัยตามมาตรฐาน ISO หรือมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานของแต่ละประเทศ ซึ่งจะมีกฎหมายและข้อบังคับแตกต่างกันออกไป ทำให้รองเท้าเซฟตี้ของไทยและรุ่นนำเข้าจากต่างประเทศอาจมีสัญลักษณ์และคุณสมบัติป้องกันเพิ่มเติมอื่นๆ ต่างกันไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อรองเท้าเซฟตี้ไม่ว่าจะเป็นชนิดหนังแท้ หนังเทียม หรือผ้าใบผสมหนังกลับจำเป็นต้องอ่านเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่ระบุไว้ทุกครั้ง

รองเท้าเซฟตี้

ส่วนประกอบรองเท้าเซฟตี้

ส่วนประกอบรองเท้าเซฟตี้ อ่านเพิ่มเติม

หนังรองเท้า

เป็นพื้นผิวชั้นนอกสุดของรองเท้าจะประกอบด้วยส่วนด้านหน้า ส่วนด้านข้างและส่วนหลังส้นรองเท้า โดยวัสดุที่นิยมใช้ผลิตหนังรองเท้านิรภัยในปัจจุบันมีดังนี้

หนังแท้ (Genuine Leather)

หนังแท้ (Genuine Leather) เป็นหนังรองที่ทำจากหนังสัตว์ โดยหนังวัวและหนังควายนั้นเป็นหนังรองเท้าที่นิยมนำมาใช้ผลิตกันมากที่สุด เพราะเป็นหนังสัตว์ที่มีความทนทานและราคาถูกกว่าหนังสัตว์ประเภทอื่นๆ ทั้งนี้หนังวัวกับหนังควายยังมีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน ทำให้ในบางครั้งสามารถนำมาใช้ทดแทนกันได้

หนังเทียม (Synthetic Leather)

หนังเทียม (Synthetic Leather) เป็นหนังรองเท้าที่พัฒนามาจากสารสังเคราะห์ให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับหนังแท้ เพื่อนำมาใช้ทดแทนกันได้ โดยวัสดุที่นำมาใช้ผลิตหนังเทียมมีหลักๆ อยู่ 3 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีผิวสัมผัสและคุณสมบัติความทนทานต่อสภาวะการใช้งานต่างๆ ได้ดีแตกต่างกัน

หนังไมโครไฟเบอร์ (Microfiber Leather)

หนังไมโครไฟเบอร์ (Microfiber Leather) หนังสังเคราะห์คุณภาพสูงที่ทำจากเส้นใยสังเคราะห์ขนาดเล็กให้มีโครงสร้างเหมือนหนังแท้ มีความทนทานและความยืดหยุ่น ระบายอากาศได้ดี และมีน้ำหนักเบากว่าหนังแท้ รวมถึงมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่หนังเนียมชนิดนี้ไม่สามารถทนต่อสเก็ดไฟได้เช่นเดียวกับหนังแท้

หนังเทียม PU (PU Leather)

หนังเทียม PU (PU Leather) เป็นหนังรองเท้าที่ผลิตจากโพลียูรีเทน มีผิวสัมผัสและความทนทานคล้ายคลึงกับหนังแท้ ดูแลรักษาง่าย

หนังเทียม PVC (PVC Leather)

หนังเทียม PVC (PVC Leather) เป็นวัสดุกันน้ำ ทนน้ำมัน ทนต่อความร้อน พื้นผิวสม่ำเสมอ ไม่เสียเศษ ผิวสัมผัสแข็งกว่าหนังเทียม PU ทำความสะอาดง่าย อายุใช้งานยาวนาน

วัสดุผ้า (Fabric)

วัสดุผ้า (Fabric) เป็นวัสดุที่สามารถผลิตได้ทั้งเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ โดยนำเส้นใยมาปั่น ถัก หรือทอให้ออกมาเป็นรูปแบบผืนผ้า มีโครงสร้างหลายแบบ ซึ่งในแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติที่ดีหลายด้านและแตกต่างจากหนังแท้และหนังเทียม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนักที่เบากว่า มีความยืดหยุ่น กระชับเท้า สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี และซักทำความสะอาดได้ง่าย จึงเป็นอีกวัสดุที่ถูกนำมาใช้ทำรองเท้าเซฟตี้ทรงสปอร์ต หรือ รองเท้าเซฟตี้สไตล์สนีกเกอร์ ที่ทำให้การใส่รองเท้าเซฟตี้มีความสะดวกสบายและดีไซน์สวยทันสมัยขึ้น

ผ้าใบ (Canvas Fabric)

ผ้าใบ (Canvas Fabric) เป็นวัสดุที่มีความทนทาน ระบายอากาศได้ดี น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่น สวมใส่สบาย ช่วยลดการเมื่อยล้าได้ ซึ่งนิยมใช้ในการผลิตรองเท้าเซฟตี้ประเภทผ้าใบ หรือชื่อเรียกอื่นๆ ว่ารองเท้าเซฟตี้สนีกเกอร์ และรองเท้าเซฟตี้ทรงสปอร์ต

ผ้าถัก (Knit Fabric)

ผ้าถัก (Knit Fabric) โครงสร้างของผ้าถักมีความกระชับเหมือนกับการใส่ถุงเท้า เพิ่มความคล่องตัวมากขึ้น มีน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย จึงนิยมใช้ในการผลิตหนังรองเท้าเซฟตี้ผ้าใบเช่นกัน

ผ้าตาข่าย (Mesh Fabric)

ผ้าตาข่าย (Mesh Fabric) เป็นผ้าสามารถระบายอากาศได้ดี น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย นิยมใช้เสริมในรองเท้าเซฟตี้ประเภทผ้าใบ

หัวรองเท้า (Toe Cap)

หัวรองเท้า (Toe Cap) หรือชื่อเรียกอื่นว่าหัวบัวมีหน้าที่ในการป้องกันปลายเท้าของผู้สวมใส่ได้รับบาดเจ็บ ช่วยป้องกันเท้าจากแรงบีบและแรงกระแทก โดยวัสดุที่ใช้ทำหัวรองเท้าที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมีดังนี้

หัวเหล็ก (Steel Toe Cap)

หัวเหล็กรองเท้าเซฟตี้

หัวเหล็ก (Steel Toe Cap) มีความแข็งแรงทนทานและน้ำหนักมากว่าหัวรองเท้าแบบอื่น กันกระแทก 200J และป้องกันแรงกดทับ 300kN ซึ่งเทียบเท่ากับรถบรรทุกสี่ล้อเหยียบทับและกันแรงกระแทกจากวัตถุที่มีน้ำหนัก 20 กก. ตกใส่จากความสูง 100 ซม.หรือระดับหน้าอกโดยประมาณ โดยมีมาตราฐาน CE, JIS, EN, GB และ TIS (มอก.) รองรับ

หัวอลูมิเนียม (Aluminium Toe Cap)

หัวอลูมิเนียมรองเท้าเซฟตี้

หัวอลูมิเนียม (Aluminium Toe Cap) หรือหัวอัลลอย (Alloy) เป็นวัสดุโลหะที่มีคุณสมบัติป้องกันปลายเท้าได้เทียบเท่าและมีน้ำหนักเบากว่าหัวเหล็ก

หัวคอมโพสิต (Composite Toe Cap)

หัวคอมโพสิตรองเท้าเซฟตี้

หัวคอมโพสิต (Composite Toe Cap) เป็นหัวรองเท้าเทอร์โมพลาสติก หรือวัสดุที่ไม่มีโลหะผสม มีคุณสมบัติไม่นำไฟฟ้า สามารถใส่เดินในสถานที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย มีน้ำหนักค่อนข้างเบาและราคาสูงกว่าหัวเหล็ก

หัวเรซิ่น (Resin Toe Cap)

หัวเรซิ่น (Resin Toe Cap) เป็นหัวรองเท้าที่มีความยืดหยุ่น ไม่บีบรัดหน้าเท้า ไม่เป็นวัสดุนำไฟฟ้า และเป็นหัวรองเท้าที่ผ่านการทดสอบกันกระแทกและแรงบีบอัดจากมาตรฐานญี่ปุ่น JIS และ JSAA โดยมีคุณสมบัติในการต้านแรงกระแทก 70J ป้องกันแรงบีบอัด 10kN หรือเทียบเท่ากับรถอีโคคาร์ (Eco Car) คันเล็กเหยียบทับ และการทดสอบความทนแรงกระแทกจากวัตถุที่มีน้ำหนัก 20 กก. ตกใส่จากความสูงระดับหัวเข่า หรือ 36 ซม.

วัสดุแผ่นเสริมพื้นป้องกันการเจาะทะลุ (Penetration Sheet)

เป็นวัสดุเสริมพื้นรองเท้าเพื่อป้องกันของมีแหลมหรือของมีคมต่างๆ ที่อยู่ตามพื้นทางเดิน โดยรองเท้าเซฟตี้ที่มีการเสริมพื้นป้องกันการเจาะทะลุต้องผ่านการทดสอบตามมาตรฐานต่างๆ และต้องมีสัญลักษณ์ที่ด้านหลัง

พื้นเสริมเหล็ก

พื้นเสริมเหล็ก เป็นวัสดุพื้นฐานที่นำมาเสริมพื้นรองเท้าเพื่อป้องกันการเจาะทะลุ พื้นทำจากเหล็กกล้าคาร์บอนสูง มีความแข็งแรงทนทานพิเศษ พื้นผิวแข็งและมีความต้านทานต่อการสึกหรอสูง

พื้นเสริมพลาสติกสมรรถนะสูง

พื้นเสริมพลาสติกสมรรถนะสูง เป็นวัสดุเสริมพื้นรองเท้าอีกทางเลือก ซึ่งทำจากโพลีเอทิลีนหรือพลาสติก PE ที่มีโครงสร้างสานกันจนแน่นหนา มีความแข็งแรงและทนทานต่อการเจาะทะลุได้ดี นิยมใช้เสริมในรองเท้าเซฟตี้สำหรับงานที่ไม่ต้องการให้มีโลหะเป็นส่วนผสม เช่น งานเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า หรืองานตามสนามที่มีการผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ เป็นต้น

วัสดุป้องกันส่วนบน (Upper)

เป็นส่วนที่ห่อหุ้มส่วนบนเท้าทั้งหมดตั้งแต่ปลายเท้า หลังเท้าและไล่ไปถึงส้นเท้า เป็นแผ่นบนหลังเท้าออกแบบมาเพื่อป้องกันกระดูกหลังเท้าและลดอาการบาดเจ็บจากวัตถุสิ่งของตกใส่ได้

พื้นรองเท้า (Sole)

เป็นส่วนที่มีความต้านทานความร้อน ต้านทานการเสียดสี การดูดซับแรงกระแทก และต้านทานต่อน้ำมัน สารละลายและสารเคมีตามที่กำหนดไว้ โดยวัสดุที่ใช้ผลิตพื้นรองเท้าเซฟตี้มีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่ทนต่อสภาพแวดล้อมการทำงานได้ดีแตกต่างกัน

พื้นยางไนไตร (Nitrile Rubber)

พื้นยางไนไตร (Nitrile Rubber หรือ NBR) เป็นพื้นรองเท้าที่ค่อนข้างมีน้ำหนักกว่าวัสดุชนิดอื่น มีคุณสมบัติทนต่อการเสียดสี กันลื่น กันน้ำมัน ทนสารเคมีได้หลายชนิด และทนความร้อนได้สูงกว่า 300 องศาเซลเซียส ทนทาน มีอายุการใช้งานค่อนข้างนาน เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวกับความร้อน

พื้นยางโพลียูรีเทน (Polyurethane Rubber)

พื้นยางโพลียูรีเทน (Polyurethane Rubber หรือ PU) เป็นพื้นรองเท้าที่มีคุณสมบัติทนน้ำมัน ทนสารเคมี มีความต้านทานการสึกหรอ กันไฟฟ้าสถิต ป้องกันการลื่นและลดเเรงกระเเทกได้ดี นอกจากนี้รองเท้านิรภัยพื้น PU ยังมีทั้งแบบพื้น PU ชั้นเดียว และแบบพื้น PU สองชั้นอีกด้วย

พื้นยางพีวีซี (Polyvinyl Chloride Rubber

พื้นยางพีวีซี (Polyvinyl Chloride Rubber หรือ PVC) มีลักษณะเป็นพื้นแข็ง มีน้ำหนักเบา กันน้ำ กันน้ำมันและไขมันได้ดี มีคุณสมบัติในการป้องกันสารเคมี แต่แรงยึดเกาะต่ำกว่าพื้นรองเท้าชนิดอื่น ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการกันลื่นลดลง

พื้นยางเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic Rubber)

พื้นยางเทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic Rubber หรือ TPR) เป็นวัสดุกันน้ำมัน ทนสารเคมี กรด ด่าง และตัวทำละลาย ทนต่อการฉีกขาด พื้นรองเท้ามีความยืดหยุ่น ทนต่อแรงเสียดสีสูง ดูดซับแรงกระแทก และช่วยลดอาการเมื่อยล้าได้ดี

พื้นยางผสม

พื้นยางผสมเป็นพื้นรองเท้ายางที่มีความเหนียว มีความต้านทานต่อแรงดึงและริ้วรอยได้ดี มีคุณสมบัติทนต่อสารเคมี กรด ด่างและสารละลายต่างๆ ได้สูงกว่าพื้นรองเท้าทั่วไป

เครื่องหมายมาตรฐานหรือสัญลักษณ์ความปลอดภัย

เป็นสิ่งที่ใช้ระบุถึงคุณภาพการป้องกันของรองเท้านิรภัย ซึ่งจะต้องผ่านการทดสอบตามข้อบังคับที่มาตรฐานกำหนด โดยสัญลักษณ์และข้อกำหนดอาจแตกต่างกันไปตามกฎหมายและมาตรฐานรองเท้านิรภัยแต่ละประเทศ

รูปแบบของรองเท้านิรภัย
ตัวอย่างรูปแบบรองเท้า

รองเท้าเซฟตี้หุ้มส้น (Low Shoe)

รองเท้าเซฟตี้หุ้มส้นเป็นรูปแบบมาตรฐาน สวมใส่ง่าย สะดวกสบาย มีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน เช่น รองเท้าผ้าใบ รองเท้าหนังสัตว์ รองเท้าหนังเทียม เป็นต้น

รองเท้าบูทเซฟตี้หุ้มข้อ (Ankle Boot)

รองเท้าบูทเซฟตี้หุ้มข้อ ส่วนบนจะปกคลุมหุ้มข้อเท้าพอดี ช่วยป้องกันทั้งเท้าและข้อเท้าจากสิ่งสกปรกหรือแรงกระแทกต่างๆ จากรอบตัวได้ดี

รองเท้าบูทเซฟตี้ครึ่งหน้าแข้ง (Half Knee Boot)

รองเท้าบูทเซฟตี้ครึ่งหน้าแข้ง ส่วนบนจะปกคลุมบริเวณหน้าขามาครึ่งหน้าแข้ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันมากยิ่งขึ้น

รองเท้าบูทเซฟตี้แบบเต็มแข้ง (Knee Height Boot)

รองเท้าบูทเซฟตี้แบบเต็มแข้ง ส่วนขารองเท้าจะยาวจนเต็มหน้าแข้ง เพิ่มพื้นทีป้องกันมากขึ้น

รองเท้าบูทเซฟตี้แบบเต็มขา (Thigh Boot)

รองเท้าบูทเซฟตี้แบบเต็มขามีลักษณะเป็นรองเท้าบูทที่มีช่วงขายาวคลุมถึงหัวเข่าหรือต้นขา นิยมใช้ในงานไฟฟ้า งานดับเพลิงและอื่นๆ

ประเภทของรองเท้าเซฟตี้ – รองเท้านิรภัยตามลักษณะงาน

รองเท้านิรภัยหัวรองเท้าป้องกันการกระแทก

รองเท้านิรภัยหัวรองเท้าป้องกันการกระแทกเป็นรองเท้าหนังนิรภัยหัวเหล็กหรือโลหะ โดยหัวรองเท้าจะเป็นเหล็กครอบป้องกันบริเวณนิ้วเท้าทั้งหมด ป้องกันการกระแทกขณะเดินหรือจากของหล่นทับได้ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่เกิดระหว่างการทำงานได้

รองเท้านิรภัยงานเกี่ยวข้องกับไฟฟ้า

รองเท้านิรภัยงานเกี่ยวข้องกับไฟฟ้าเป็นรองเท้าชนิดนี้ต้องมีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี ป้องกันเหงื่อหรือที่เปียกชื่นของบริเวณเท้าและฝ่าเท้า ซึ่งเหงื่อและความเปียกชื่นเป็นสื่อนำกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกายได้ดี รองเท้าที่ชำรุดห้ามซ่อมแซมโดยใช้ตะปูหรือลวดโดยเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้นำกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

รองเท้านิรภัยสำหรับพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้

รองเท้านิรภัยสำหรับพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้เป็นรองเท้าสำหรับใช้ในพื้นที่บริเวณที่มีหรือสงสัยว่ามีสารหรือของผสมที่ไวไฟ โดยรองเท้าชนิดนี้จะป้องกันไฟฟ้าสถิติที่เกิดขึ้นจากร่างกายมนุษย์ ซึ่งอาจจะเกิดการเหนี่ยวนำ ซึ่งทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดการระเบิดหรือลุกไหม้ขึ้นได้ รองเท้าประเภทนี้จะมีค่าความด้านทานไฟฟ้าได้ในอัตราต่างๆ หลายระดับ ดังนั้น ผู้ปฏิบัติงานต้องทราบข้อมูลระดับความเสี่ยงอันตรายของสถานที่ทำงาน เพื่อเลือกใช้รองเท้าที่มีระดับความต้านทานไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม

มาตรฐานของรองเท้าเซฟตี้

อุปกรณ์เซฟตี้ป้องกันเท้าที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO หรือมาตรฐานสหภาพยุโรป EN 20345 ซึ่งเป็นมาตรฐานของการทดสอบรองเท้านิรภัยให้มีคุณสมบัติพื้นฐานหลักๆ คือ แผ่นเสริมป้องกันการเจาะทะลุ 1,100N หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200J และกันแรงบีบอัดบนเท้า 15kN เป็นต้น ซึ่งในแต่ละประเทศจะมีกฎหมายและข้อบังคับมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย

มาตรฐานรองเท้านิรภัย EN345 หรือ EN ISO 20345

EN ISO23045

เป็นมาตรฐานข้อบังคับหลักของสหภาพยุโรป โดยมีข้อกำหนดคุณสมบัติที่หลากหลายและการทดสอบอย่างเข้มงวด ทำให้การแบ่งกลุ่มรองเท้านิรภัยมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยมีข้อกำหนดคุณสมบัติพื้นฐานมีดังนี้

หัวรองเท้าหัวเหล็กกล้า มีคุณสมบัติต้านการกระแทกได้ 200J (Steel Toe Caps Impact 200 Joules)
วัสดุเสริมพื้นรองเท้า แผ่นรองพื้นระหว่างชั้นนอกและชั้นในสามารถทนแรงทะลุได้ 1,100 นิวตัน (Midsole Pierce Resistance : 1,100N)
พื้นรองเท้าชั้นนอกมีคุณสมบัติทนน้ำมันและสารเคมี (Oil and Acid Resistant Outsole)
พื้นรองเท้าชั้นนอกมีคุณสมบัติทนความร้อนได้ 160 °C, 360 °C (Outsole Resistance to Hot Contact)
พื้นรองเท้าชั้นนอกมีคุณสมบัติกันลื่น (Anti Slip Outsole)
กันไฟฟ้าสถิต (Anti Static Shoes)
หนังรองเท้าสามารถระบายอากาศได้ (Breathable Leather Upper)

นอกจากนี้รองเท้านิรภัยมาตรฐานยุโรป EN ISO 20345 เป็นรองเท้าหัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200J หรือระดับป้องกันสูงสุด ที่แบ่งออกเป็น Class I และ Class II ซึ่งในแต่ละ Class จะมีสัญลักษณ์และคุณสมบัติเพิ่มเติมอื่นๆ อีก

ประเภทรองเท้าสัญลักษณ์คุณสมบัติการป้องกัน
Class I
ทำจากหนังและวัสดุอื่นที่ไม่ใช่ยางธรรมชาติหรือพอลิเมอร์สังเคราะห์
SBความปลอดภัยพื้นฐาน หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200J
S1หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200J ป้องกันไฟฟ้าสถิต และส้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทก
S1Pหัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200J มีชั้นตรงกลางของพื้นรองเท้า ป้องกันการเจาะทะลุ ป้องกันไฟฟ้าสถิต และส้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทก
S2หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200J ป้องกันไฟฟ้าสถิต ส้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทก และกันน้ำ
S3หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200J มีชั้นตรงกลางของพื้นรองเท้า ป้องกันการเจาะทะลุ ป้องกันไฟฟ้าสถิต ส้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทก กันน้ำ และพื้นรองเท้าด้านนอกแบบมีปุ่ม
Class II
ทำจากยางหรือพอลิเมอร์สังเคราะห์
SฺBความปลอดภัยพื้นฐาน หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200J และกันน้ำ
S4หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200J ป้องกันไฟฟ้าสถิต และพื้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทก
S5หัวเหล็กป้องกันแรงกระแทก 200J มีชั้นตรงกลางของพื้นรองเท้า ป้องกันการเจาะทะลุ ป้องกันไฟฟ้าสถิต ส้นรองเท้าดูดซับแรงกระแทก กันน้ำ และพื้นรองเท้าด้านนอกแบบมีปุ่ม

สัญลักษณ์และคุณสมบัติพิเศษนอกเหนือจากมาตรฐานข้างต้นเพิ่มเติมอื่นๆ ดังนี้

Pพื้นรองเท้าเสริมเหล็กป้องกันการเจาะทะลุ 1,100 นิวตัน
Cรองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิตแบบตัวนำ
Aรองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิต
HIรองเท้ามีฉนวนป้องกันความร้อน
CIรองเท้ามีฉนวนป้องกันความเย็น
Eพื้นรองเท้าสามารถช่วยดูดซับแรงกระแทกส้นเท้าได้ 20 จูล
WRUส่วนบนรองเท้าป้องกันน้ำซึมเข้ารองเท้า
HROพื้นรองเท้าทนความร้อน 300 องศาเซลเซียส นาน 1 นาที
OROพื้นรองเท้าป้องกันน้ำมัน

มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. (TIS)

มอก-523-2554

เป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไทย ซึ่งในปัจจุบันมาตรฐานรองเท้านิรภัย (Leather Safety Footwear) เลขที่ มอก. 523-2554 จะครอบคลุมเฉพาะรองเท้าหนังนิรภัยที่ทำด้วยหนังแท้หรือหนังเทียมเท่านั้น โดยกำหนดประเภท แบบ ชนิด สัญลักษณ์ วัสดุ และการทำ คุณลักษณะที่ต้องการ นอกจากนี้ยังรวมถึงกำหนดการบรรจุ เครื่องหมายและฉลาก การชักตัวอย่าง เกณฑ์ตัดสิน และการทดสอบ ซึ่งอ้างอิงตามมาตรฐานรองเท้านิรภัยของสหภาพยุโรป หรือ EN ISO 20345

รองเท้านิรภภัยตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม TIS หรือ มอก. 523-2554 โดยมีข้อกำหนดคุณสมบัติพื้นฐานคร่าวๆ ดังนี้

บัวหัว (Toe Cap) เป็นส่วนประกอบสำหรับป้องกันอุบัติเหตุจากการทำงานที่จะเกิดกับนิ้วเท้าของผู้สวมโดยออกแบบให้ป้องกันอันตรายที่เกิดจากแรงกระแทกและแรงกดทับ 200 จูล
แผ่นป้องกันการแทงทะลุ (Penetration Resistant Insert) แผ่นวัสดุที่ใส่เสริมลงในพื้นรองเท้าสำหรับกันการแทงทะลุของของแหลมหรือของมีคมต้องไม่น้อยกว่า 1100 นิวตัน
ความต้านไฟฟ้าสถิต (Antistatic) วัสดุที่มีความต้านไฟฟ้าตั้งแต่ 100 กิโลโอห์ม ถึง 1,000,000 กิโลโอห์ม
วัสดุส่วนบน (Upper) ป้องกันหลังเท้าสามารถต้านทานการขัดสี (Abrasion Resistance
พื้นรองเท้า (Sole) ผ่านการทดสอบด้านความทนการฉีกขาด ความทนการขัดสี (Abrasion Resistant), มีความต้านทานความร้อน (Heat Resistant), การดูดซับแรงกระแทก (Shock Absorption) ,ความต้านทานน้ำมัน (Oil Resistance) และมีความต้านทานสารเคมีชนิดที่กำหนดไว้แล้ว (Acid Resistant)

สัญลักษณ์และคุณสมบัติของพื้นรองเท้านิรภัย มาตรฐาน มอก. 523-2554 (2011)

สัญลักษณ์รายการลักษณะพิเศษ
Sประเภทธรรมดา
Pประเภทเสริมแผ่นป้องกันการแทงทะลุ มากกว่า 1,100N
Aประเภทมีความต้านทานไฟฟ้าสถิต
PAประเภทเสริมแผ่นป้องกันการแทงทะลุและต้านไฟฟ้าสถิต

มาตรฐานรองเท้านิรภัย JIS

JIS

มาตรฐานรองเท้านิรภัย JIS เป็นมาตรฐานความปลอดภัยญี่ปุ่นจะแบ่งออกเป็น 2 มาตรฐาน คือ
JIS T8101 สำหรับรองเท้าเซฟตี้ (Safety Shoes) และ JIS T8103 สำหรับรองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิต ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นโดยหน่วยงานภาครัฐ (Japanese Industrial Standards Committee : JISC) โดยกำหนดใช้ในงานอุตสาหกรรมซึ่งรองรับการใช้งานรูปแบบต่างๆ ดังนี้

มาตรฐานรองเท้านิรภัย JIS T8101 แบ่งตามลักษณะการทำงานได้ทั้งหมด 4 ประเภท

มาตรฐานรองเท้านิรภัย JIS T8101
ประเภทงานงานหนักพิเศษงานหนักงานทั่วไปงานเบา
สัญลักษณ์ (Class)U
(JIS T8101 : 2020)
HSL
ความทนทานของหัวรองเท้าต้านทานแรงกระแทก200J100J70J30J
น้ำหนักวัตถุ20 ± 0.2 kg
ความสูงของวัตถุตกใส่102 cm51 cm36 cm15 cm
ต้านทานแรงบีบอัด15kN10kN4.5kN
การยุบตัวของช่องว่างระหว่างขอบหัวรองเท้าด้านบนกับพื้นรองเท้า≥ 14.0 mm (อ้างอิงจาก size 26.0 cm)
ความต้านทานแรงดึงลอกระหว่างพื้นรองเท้ากับหนังส่วนบน≥ 300N≥ 250N

รองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิต JIS T8103
เป็นมาตรฐานรองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิตของญี่ปุ่น โดยแบ่งประเภทตามลักษณะการป้องกันออกเป็น 2 ประเภท คือ รองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิตชนิดสลายประจุไฟฟ้า และ รองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิตชนิดตัวนำประจุไฟฟ้า

รองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิต JIS T8103
ประเภทรองเท้าป้องกันไฟฟ้าสถิตสัญลักษณ์ความต้านทานไฟฟ้า R (Ω) ที่อุณหภูมิ 23 ± 2 °Cความต้านทานไฟฟ้า R (Ω) ที่อุณหภูมิ 0 °C
รองเท้าป้องกันชนิดสลายประจุไฟฟ้าสถิต
(Static Dissipative)
รุ่นทั่วไปED1.0×105≦R≦1.0×108Ω1.0×105≦R≦1.0×109Ω
รุ่นพิเศษEDX1.0×105≦R≦1.0×107Ω1.0×105≦R≦1.0×108Ω
>รองเท้าป้องกันชนิดตัวนำประจุไฟฟ้า
(Conductive)
ECR<1.0×105ΩR<1.0×105Ω
สัญลักษณ์รายการคุณสมบัติของพื้นรองเท้าเซฟตี้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน JIS
Eซับแรงกระแทกพื้นรองเท้าสามารถดูดซับแรงกดส้นเท้าได้ 20J
F1กันลื่นค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานจลน์มากกว่า 0.20 และไม่เกิน 0.30
F2ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานจลน์มากกว่า 0.30
Pแผ่นเสริมกันเจาะทะลุป้องกันการเจาะทะลุได้ 1,100N
Cต้านทานการตัดการต้านทานจากแรงตัดของเลื่อยยนต์
Mแผ่นครอบกระบังหน้ารองเท้าป้องกันแรงกระแทกหลังเท้าได้ 100J
BOต้านทานน้ำมันพื้นรองเท้าป้องกันน้ำมัน
UOวัสดุส่วนบนป้องกันน้ำมัน
Hต้านทานความร้อนพื้นรองเท้าทนความร้อน 300 °C นาน 1 นาที
HI1, HI2รองเท้ามีฉนวนป้องกันรองเท้ามีฉนวนป้องกันความร้อน
CI1, CI2รองเท้ามีฉนวนป้องกันความเย็น

มาตรฐานรองเท้านิรภัย JSAA

JSAA Standard

JSAA (Japan Safety Appliances Association) เป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นโดยองค์กรภาคเอกชนของประเทศญี่ปุ่น เพื่อสอบสวนและส่งเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย โดยองค์กรนี้ก็ได้รับการไว้วางใจจาก ISO และ JIS

มาตรฐานรองเท้านิรภัย JSAA สำหรับรองเท้านิรภัยประเภทผ้าใบ (Protective Sneaker) และรองเท้าบูทนิรภัย (Protective Boots) ที่หัวรองเท้าเป็นโลหะหรือหัวเรซิ่นป้องกันแรงกระแทกและแรงบีบนิ้วเท้า ซึ่งจะรองรับการใช้งาน 2 แบบ ดังนี้

มาตรฐานรองเท้านิรภัย JSAA
ประเภทงานงานทั่วไปงานเบา
สัญลักษณ์ (Class)SL
ความทนทานของหัวรองเท้าต้านทานแรงกระแทก70J30J
น้ำหนักวัตถุ20 ± 0.2 kg
ความสูงของวัตถุตกใส่36 cm15 cm
ต้านทานแรงบีบอัด10kN4.5kN
การยุบตัวของช่องว่างระหว่างขอบหัวรองเท้าด้านบนกับพื้นรองเท้า≥ 14.0 mm (อ้างอิงจาก size 26.0 cm)
ความต้านทานแรงดึงลอกระหว่างพื้นรองเท้ากับหนังส่วนบนทำจากหนังและยาง≥ 300N≥ 250N
ทำจากหนังเทียม หนังสังเคราะห์ ผ้าถัก และพลาสติก≥ 200N≥ 150N

เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของคุณสมบัติเพิ่มเติมอื่นๆ ตามมาตรฐานรองเท้าเซฟตี้ผ้าใบ JSAA

สัญลักษณ์คุณสมบัติของพื้นรองเท้าเซฟตี้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน JSAA
พื้นรองเท้าสามารถดูดซับแรงกระแทกของส้นเท้าได้ 20J
ป้องกันการลื่น ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานจลน์มากกว่า 0.20
ป้องกันการเจาะทะลุ 1,100N
ต้านทานไฟฟ้าสถิตที่อุณหภูมิ 23 ± 2 °C มีค่าความต้านทานไฟฟ้า R (Ω) 1.0×105≦R≦1.0×108
ป้องกันน้ำซึมเข้าด้านในรองเท้า *เฉพาะรองเท้าเซฟตี้ผ้าใบแบบบูท (Protective Boots)*

วิธีการวัดขนาดไซส์รองเท้าเซฟตี้ / รองเท้านิรภัยด้วยตนเอง

การวัดขนาดเท้าด้วยตนเองจะช่วยให้เราสามารถเทียบขนาดและเลือกซื้อรองเท้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม คือ ดินสอหรือปากกา กระดาษ ไม้บรรทัด
การวัดขนาดความยาวเท้าด้วยตนเอง

วางเท้าบนกระดาษเปล่าโดยให้ส้นเท้าแนบชิดผนังหรือกำแพงให้เหมือนกับท่ายืนปกติ
(สำหรับผู้ที่สวมใส่รองเท้าร่วมกับถุงเท้าเป็นประจำ แนะนำให้ใส่ถุงเท้าวัดขนาดขณะใส่ถุงเท้า)
นำปากกาขีดเส้นตรงหรือทำสัญลักษณ์ในแนวตั้งฉากที่ปลายเท้าตรงส่วนนิ้วเท้าที่ยาวที่สุด
ใช้ไม้บรรทัดหรือสายวัดจากกำแพงมาถึงปลายเท้าที่ทำสัญลักษณ์ไว้ และอ่านค่าความยาวที่ได้เป็นหน่วยเซนติเมตร หลังจากนั้นนำไปเทียบกับตารางวัดขนาดไซส์รองเท้าเซฟตี้ หรือ รองเท้านิรภัยของแบรนด์ต่างๆ ได้ทันที อ่านความยาวที่วัดได้เป็นหน่วยเซนติเมตร และนำไปเทียบกับตารางวัดขนาดไซส์รองเท้าเซฟตี้ หรือ รองเท้านิรภัยของแบรนด์นั้นๆ เพื่อดูว่าค่าใดตรงกันหรือใกล้เคียงกับค่าที่วัดมากที่สุด

ตัวอย่าง-ตารางเทียบขนาดไซส์รองเท้าเซฟตี้-รองเท้านิรภัย

อักษรย่อมาตรฐานตารางไซส์รองเท้า
JPระบบมาตรฐานไซส์รองเท้าของญี่ปุ่น (หน่วยเซนติเมตร : cm.)
USระบบมาตรฐานไซส์รองเท้าของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
UKระบบมาตรฐานไซส์รองเท้าของอังกฤษ
EUระบบมาตรฐานไซส์รองเท้าของยุโรป

การดูแลรักษารองเท้าเซฟตี้

ก่อน-หลังใช้งานให้ตรวจเช็คสภาพการใช้งานของรองเท้าเซฟตี้ให้เป็นกิจวัตร
ใช้แปรงขนนุ่มหรือผ้าสะอาดเช็ดฝุ่นและคราบสกปรกที่เกาะบนรองเท้าออกอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นขัดรองเท้าซ้ำอีกครั้งด้วยครีมขัดรองเท้า เพื่อปรับสภาพและปกปองหนังรองเท้าให้มีความยืดหยุ่น คงทน และมีอายุการใช้งานนานขึ้น
หลีกเลี่ยงการใช้งานผิดประเภทหรือไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ผลิตภัณฑ์กำหนดไว้ เพราะอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพในการป้องกันลดลง
ควรเก็บรองเท้าเซฟตี้ไว้ในที่แห้งและเก็บเข้าที่ให้เป็นเระเบียบ เพื่อสะดวกต่อการค้นหาและนำไปใช้งานในครั้งถัดไป

PROMOTION MSA Workman Tripod

🌟 MSA Tripod Full Option SET ทุกรุ่น
ไม่ว่าคุณเลือกรุ่นใดก็ได้ของ MSA Tripod Full Option SET จำนวน 1 SET ขึ้นไป

 

🔥 รับเงื่อนไข Extra Service Free Coupon Inspection & Certify ประจำปี
คุณจะได้รับสิทธิพิเศษในการสอบเทียบและรับใบรับรองฟรีมูลค่า 1,500 บาท/ครั้ง จำนวน 2 ใบ ในแต่ละปี

การขยายรับประกันสินค้าสูงสุดถึง 2 ปี
นอกจากนี้คุณยังสามารถขยายรับประกันสินค้าสูงสุดถึง 2 ปี ให้คุณมั่นใจในคุณภาพของสินค้า

 

(ระยะเวลาโปรโมชั่น ถึง 31 ธ.ค. 2567)
โปรโมชั่นนี้มีอายุถึงสิ้นปี 2567 เท่านั้น ดังนั้นคุณควรรีบติดต่อเราเพื่อไม่พลาดโอกาสในการปรับคอนเทนสิ่่งสำคัญของคุณ

📞 ช่องทางการติดต่อ:
🌐 Website: https://gear-con.com/
📱 Line: @gearcon
✉️ E-mail: info@gear-con.com

*สินค้ามีจำกัด และเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนดนะครับ/ค่ะ! 📣📣

 ขยันทำงานแต่ต้องการความปลอดภัยในทุกมุม! 

PROMOTION MSA MULTI AS DETECTOR ALTAIR 4XR (SET B)

🎉โปรโมชั่น: MSA MULTI AS DETECTOR ALTAIR 4XR (SET B)
🔒 ความปลอดภัยเหนือสิ่งสำคัญ!

 

🔵 รับประกัน SENSOR โดย MSA 4 ปี
คุณจะได้รับความมั่นใจในคุณภาพของเซ็นเซอร์ของคุณเป็นเวลา 4 ปี โดย MSA ผู้ผลิตชั้นนำ

 

(ระยะเวลาโปรโมชั่น ถึง 31 ธ.ค. 2567)
โปรโมชั่นนี้มีอายุถึงสิ้นปี 2567 เท่านั้น ดังนั้นคุณควรรีบติดต่อเราเพื่อไม่พลาดโอกาสในการปรับคอนเทนสิ่งสำคัญของคุณ

*สินค้ามีจำนวนจำกัด*
รีบจองสินค้าเพื่อรับข้อเสนอนี้ก่อนที่จำนวนจะหมด!

 

📞 ช่องทางการติดต่อ:
🌐 Website: https://gear-con.com/
📱 Line: @gearcon
✉️ E-mail: info@gear-con.com

*สินค้ามีจำกัด และเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนดนะครับ/ค่ะ! 📣📣

 ขยันทำงานแต่ต้องการความปลอดภัยในทุกมุม! 

การดูแลและใช้งานฝักบัวชำระล้างรุ่น SE612T316 ยี่ห้อ PRATT

ผักบัวชำระล้างรุ่น SE612T316 ยี่ห้อ PRATT เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการชำระล้างและทำความสะอาดดวงตาและร่างกายด้วยน้ำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากฝุ่นและละอองสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน อุปกรณ์นี้มีความสำคัญมากในหลายสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของพนักงาน เช่น โรงงานที่เก็บสารเคมี, ห้องแลปที่ทำงานกับสารเคมี, หรือบริเวณที่มีการพ่นสารเคมีหรือฝุ่นในปริมาณมาก ในบทความนี้เราจะพูดถึงความสำคัญของผักบัวชำระล้างและการดูแลรักษาอุปกรณ์นี้.

ความสำคัญของผักบัวชำระล้างรุ่น SE612T316 ยี่ห้อ PRATT

ผักบัวชำระล้างรุ่น SE612T316 ยี่ห้อ PRATT เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของพนักงานในสถานที่ทำงานที่มีความเสี่ยงจากสารเคมีหรือฝุ่น การใช้งานอุปกรณ์นี้ช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการสัมผัสสารเคมีหรือละอองสารเคมีที่อาจเข้าสู่ดวงตาและผิวหนังของพนักงาน.

การติดตั้งผักบัวชำระล้างรุ่น SE612T316 ยี่ห้อ PRATT

การวิเคราะห์ความเสี่ยง: การติดตั้งผักบัวชำระล้างต้องเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในหน้างาน โดยพิจารณาพื้นที่ที่มีการจัดเก็บสารเคมี, ห้องแลปที่มีการทำงานกับสารเคมี, หรือพื้นที่ที่มีการพ่นสารเคมีหรือฝุ่นในปริมาณมาก การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้เรากำหนดจำนวนและตำแหน่งที่ต้องการติดตั้งอุปกรณ์.

จำนวนอุปกรณ์: ตามกฎกระทรวงเรื่องการกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการและดำเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย ปี พ.ศ. 2556 นายจ้างจำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์อ่างล้างตาและชุดฝักบัวฉุกเฉินให้กับลูกจ้าง โดยไม่น้อยกว่า 1 ที่ต่อลูกจ้าง 15 คน และเพิ่มจำนวนตามสัดส่วนของลูกจ้างส่วนที่เกิน 7 คนให้ถือเป็น 15 คน นี่เป็นเรื่องสำคัญในการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัย.

การติดตั้งโดยทีมงาน: สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์นี้อาจจำเป็นต้องมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเข้าไปสำรวจหน้างานและติดตั้งอุปกรณ์อ่างล้างตาและชุดฝักบัวฉุกเฉินให้ถูกต้องตามสถานที่.

การดูแลรักษาอุปกรณ์อ่างล้างตาและชุดฝักบัวฉุกเฉิน

ความสะอาดและซ่อมแซม: ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลรักษาอุปกรณ์อ่างล้างตาและชุดฝักบัวฉุกเฉินควรทำความสะอาดอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ของชุดฝักบัวและอ่างล้างตาฉุกเฉินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ.

ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ: ผู้ดูแลรักษาอุปกรณ์ควรตรวจสอบการรั่วหรือการชำรุดของวาล์วแต่ละจุด และตรวจสอบแรงดันของน้ำ เมื่อพบชิ้นส่วนใดชำรุดจำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทันที.

อะไหล่เสริม: ในกรณีที่อุปกรณ์อ่างล้างตาและชุดฝักบัวฉุกเฉินมีปัญหา จำเป็นต้องมีอะไหล่เสริมเตรียมพร้อมเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้มีการดำเนินงานได้ตามปกติและผู้ปฏิบัติงานได้รับความปลอดภัยสูงสุด.

การดูแลขวดล้างตาฉุกเฉิน: ถ้ามีขวดล้างตาฉุกเฉิน แนะนำให้เปลี่ยนน้ำใหม่ทุก 1 สัปดาห์เพื่อรักษาความสะอาดและความปลอดภัย การตรวจสอบระบบขวดล้างตาเป็นส่วนสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของพนักงาน.

ผักบัวชำระล้างรุ่น SE612T316 ยี่ห้อ PRATT เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการรักษาความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงานในสถานที่ทำงานที่มีความเสี่ยงจากสารเคมีหรือฝุ่น การดูแลรักษาและใช้งานอุปกรณ์นี้อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันอันตรายและรักษาความปลอดภัยของทุกคนในสถานที่ทำงาน.